เพราะโลกยังคงหมุนไป
เมื่อแรกเริ่มเปิดเรียนควอเตอร์ เราเดินทางค้นหาสรรพสิ่งที่มีอยู่จริงในจักรวาลนี้ เชื้อเชิญให้พี่ๆเดินหลับตาเพื่อสัมผัสกับสิ่งที่มีอยู่จริงแต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โหมดการรับรู้ของเราเริ่มทำงานผ่านการได้ยิน การได้กลิ่น การสัมผัส ความละเอียดของโหมดการรับรู้เริ่มชัดเมื่อสายตาของเราถูกปิดลง เราใช้เพียงใจที่บริสุทธิ์รับรู้ถึงสิ่งที่มากระทบอย่างตรงไปตรงมา แรงลมที่พัดผ่านผิวกาย เสียงนกร้องระหว่างทาง กิ่งหญ้าที่ครูดขาไปมาระหว่างเดิน
แล้วสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาจะเป็นอย่างไรในขณะที่โลกยังคงหมุนไป เราจะมองเห็นการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงนั้นได้ด้วยสายตาของเราหรือไม่ หรือเราต้องใช้เครื่องมือใดที่จะมอง? คำถามถูกทิ้งค้างไว้อย่างนั้นในสัปดาห์ที่หนึ่งของการเรียน
เพราะความจริงบางอย่างเราไม่สามารถรับรู้และตัดสินได้เพียงสายตา กระบวนการจิตศึกษาจึงชวนพี่ๆเข้าไปสืบค้นหาความจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติ สัมผัสกับสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาแต่มีอยู่จริง เราจะฝึกขยายโหมดการรับรู้ก่อนการตัดสินสิ่งต่างๆ ด้วยสายตาอันคับแคบของเราให้ลึกซึ้งและกว้างขึ้นเพื่อเข้าถึงความจริงได้ลึกและกว้างขึ้นเช่นกัน
โลกยังคงหมุนไป การเคลื่อนที่ของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นวันเวลา แล้วเราก็เดินทางมาถึงสัปดาห์ที่ 9 เรากลับมาที่เดิมของการค้นหาสรรพสิ่งเพื่อสำรวจการเปลี่ยนแปลง ครูตั้งคำถามกับพี่ๆว่า สังเกตทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัวแล้วเรารับรู้ว่ามีสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง?
ทรัพยากรหนึ่งในจักรวาลที่มีขนาดเล็กแต่เปลี่ยนแปลงไปอย่างยิ่งใหญ่พร้อมๆกับการเดินทางเคลื่อนที่ไปของโลกคือพี่ๆป.6 แต่ละคน ครูจึงชวนพี่ๆขยายโหมดการรับรู้เพื่อเข้าไปสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงและเติบโตภายในของตัวเอง พี่บางคนสะท้อนว่าเห็นตัวเองทำงานได้มากขึ้น เห็นตัวเองว่ามีความตั้งใจที่ยอดเยี่ยม บางคนบอกว่าจัดการชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น บริหารเวลาได้ รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาชีวิตน้อยลง..... พี่อีกคนบอกว่าควบคุมดูแลตัวเองได้ ให้ครูเตือนน้อยลง บางคนก็สะท้อนว่าใจเย็นขึ้น รู้สึกสบายใจเวลาไม่หงุดหงิด
การเติบโตภายในมองเห็นได้ยากด้วยสายตาแต่สัมผัสได้ด้วยจิตที่ผ่านการศึกษาและสำรวจมา